Skip to content

จักรยาน Fixed Gear MASI

จักรยาน Fixed Gear MASI ต้นตำรับแห่งความคลาสสิค

ต้นกำเนิด Masi Bicycle เกิดจาก ประเทศ ITALY โดย Faliero Masi ผู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการสรรสร้างจักรยานอันทรงคุณภาพมากว่า 70 ปี มีชื่อเสียงจากการทำเฟรมให้กับนักแข่งในยุค 60’-70’s เช่น Fausto Coppi, Luison Bobet, Felice Gimondi, Rick Van Looy, Jacques Aaqetil and Eddy Merckx กับชัยชนะที่มากมายในระดับ Tour De France, Giro D’talia ,World Championships and the Olympics ไม่เพียงแต่จักรยานชนิดแข่งขันเท่านั้น ยังได้ผลิตจักรยานในฝันสำหรับชาวเมืองผู้ไม่ประสงค์จะแข่ง ให้มีความสุนทรีภาพในการขับขี่บนถนนในเองได้อย่างสนุกด้วยการออกแบบ และสร้างสรรค์จักรยานในสไตล์อิตาลีดั้งเดิม Faliero Masi ได้นำเอาจักรยาน Masi มาสู่สหรัฐอเมริกา เพื่อหวังจะพัฒนา Brand Masi ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น โดยยึด Concept ที่จะรักษารูปแบบดั้งเดิมให้ความเป็น Italy Bike คงอยู่ในโลกต่อไป
นอกเหนือจากจักรยานประเภทเสือหมอบถนน แล้ว Masi ยังผลิตจักรยานประเภทลู่ หรือ Single Speed ที่กลับมาได้รับความนิยมจากวัยรุ่นผู้ต้องการความแปลกใหม่ในการขับขี่จักรยานชนิด Fixed gear บนถนนรวมถึงการทำกิจกรรมในลักษณะ Extreme ผสมผสานไปด้วย สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้จะได้ไม่ต้องแสวงหารถด้วยความยากลำบาก และแพงจนหูฉี่ เพราะ Asia Bike ได้นำเข้าจักรยานชนิด Classic เหล่านี้มาในจำนวนไม่มากนักดังนี้

Special Fixed LTD Drop&Flat จักรยาน Single Speed ที่ยึดความคลาสสิคแบบดั้งเดิม โดยเลือกใช้ท่อบน ท่อนั่ง ท่อล่าง ท่อคอ และท่อสเตย์ที่มีขนาดเล็ก พร้อมตะเกียบหน้าที่ผลิตจากวัสดุ Cromoly และเชื่อมต่อท่อต่าง ๆ ดังกล่าวด้วยระบบ Lugged หางหลัง (Dropout) เป็นแบบขนานเช่นเดียวกับหางรถลู่ (Track Bike) ปีนี้เลือกความลงตัวที่สีขาว ซึ่งเป็นสียอดนิยม
แฮนด์เสือหมอบโค้งแบบรถลู่ตัดกับผ้าพันแฮนด์สีขาว อานแบบดั้งเดิม บันไดพร้อมตะกร้อ จานหน้า Sugino รุ่น Massenger 46T และเฟืองหลัง 16 ฟัน ดุม Seal Bearing แบบ Track Hub ขนาดล้อ 28” ยางใช้ Vittoria Zaffiro

Special Fixed Riser & Drop ออกแบบให้ใช้ท่อบน ท่อนั่ง ท่อล่าง ท่อคอและท่อสเตย์ มีขนาดเล็กพร้อมตะเกียบหน้าที่ผลิตจากวัสดุ Cromoly และเชื่อมต่อท่อต่าง ๆ ดังกล่าวด้วยระบบ Lugged หางหลัง เป็นแบบขนาด มีสีให้เลือก คือ ส้ม Molteni Orange, สีดำ Disco Black และสีแดง Mattalic Red แฮนด์เสือหมอบโค้งแบบรถลู่ อานคงไว้ในแบบดั้งเดิม บันไดพร้อมตะกร้อ จานหน้า Lasco 46T เฟืองหลัง 16 ฟัน ดุม Seal Bearing แบบ Track hub ขนาดล้อ 28”C(700C) มีมาให้เลือกด้วยกัน 4 ไซต์ 49,51,53 และ 56 Cm

Soulville 3 รูปแบบจักรยาน ฟิกเกียร์ ที่เป็นงานศิลป์อย่างชัดเจนดูได้จากการโค้งมนรับกันอย่างลงตัวทั้งคัน สีขาว Pearl White ระบบขับเคลื่อน 3 สปีด ของ Sram ใช้คู่กับดุมแบบเกียร์ในดุมทำให้ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก อานหนังแท้คงแบบดั้งเดิม ใครได้สัมผัส Soulville 3 รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นจักรยาน Fixed gear ที่ขี่ง่าย งามสง่า หรูหรา และทันสมัย มีชนิดทรงให้เลือกสำหรับผู้ชายและผู้หญิง Soulville 7 (สำหรับคุณผู้ชาย) , Soulville 7 Mixte (สำหรับคุณผู้หญิง) จักรยานสำหรับใช้งานบนถนนในเมืองที่นับว่า Classic ที่สุดจากการออกแบบในสไตล์อิตาลี่ที่เป็นที่ยอมรับและนิยมเป็นอย่างมากในยุโรป และอเมริกา ซึ่งยังคงใช้โลหะผลิตท่อชนิด Double Butted Cr-mo ท่อบนและ Seat Stay ออกแบบให้โค้งรับกันอย่างลงตัว แฮนด์ตรงขับขี่ง่าย Grip เป็นไม้ก๊อก อานเป็นหนังแท้แบบดั้งเดิมสีน้ำตาล พร้อมด้วยบังโคลนแบบแบนเรียบที่วางเหนือยางเพียงเล็กน้อยไม่เทอะทะ ระบบขับเคลื่อน 7 สปีดของ Shimano Nexus

ประวัติความเป็นมาของยาง PANARACER

ประวัติความเป็นมาของยาง PANARACER

ก่อตั้งขึ้นในปี 1952 พานาเรเซอร์เริ่มต้นการผลิตผลิตภัณฑ์ยางอย่างหลากหลายสำหรับการใช้งานของผู้ บริโภคและเพื่อการพาณิชย์ นับแต่นั้น เราเริ่มผลิตยางรถจักรยานโดยเฉพาะ ดังนั้นเราจึงสามารถมุ่งเน้นและใส่ใจในการผลิตยางที่ดีที่สุดที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน พานาเรเซอร์เป็นผู้ผลิตญี่ปุ่นรายสุดท้ายที่ยังคงผลิตยางรถจักรยานในญี่ปุ่น เรารู้สึกว่าการผลิตสินค้าในประเทศของเราเองเป็นเครื่องประกันการควบคุม คุณภาพของเราให้คงอยู่ในระดับสูงสุด

เรามีคณะทำงานซึ่งเป็นวิศกรวิจัยและพัฒนาจำนวนเจ็ดคนที่ทำงานเต็มเวลาในการวิจัยอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับ ยางคอมปาวด์ รูปแบบหน้ายาง และเทคโนโลยี casing นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรแกรมการออกแบบหน้ายางที่ทันสมัยรวมถึงการจัด เก็บข้อมูล ความก้าวหน้านี้เป็นก้าวแรกของการพัฒนายางที่ช่วยทำให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์และ การออกแบบยางใหม่ที่ล้ำสมัยได้อย่างรวดเร็ว เราได้ยกระดับคุณภาพแม่พิมพ์และ bladders ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับผลิตยางรถให้มีคุณภาพ

สำหรับการผลิตตัวยาง เราใช้วัตถุดิบที่คัดมาอย่างดีที่สุดเพื่อสร้าง casing และ compound
เมื่อได้วัตถุดิบที่มาจากการคัดสรรแล้วผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ผลลัพธ์ที่ได้คือยางที่ดีที่สุด

กว่า 28 ปี ของการมุ่งเน้นออกแบบยางรถจักรยานโดยเฉพาะ เราได้สร้างยางที่เกาะถนนได้เยี่ยมจำนวนมากที่เหล่านักปั่นต่างเคยใช้ ยาง Smoke and Dart คือตัวอย่างของประวัติศาสตร์นั้น ต้นแบบเหล่านี้ทิ้งร่องรอยให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของยางจักรยานเสือ ภูเขาซึ่งยังคงผลิตอยู่ในปัจจุบันเนื่องจากยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ

พานาเรเซอร์ยังคงมุ่งไปข้างหน้าเพื่อ รักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไม่ต้องสงสัยจักรยานเป็นรูปแบบหนึ่งของการคมนาคมที่ช่วยรักษาสิ่งแวด ล้อมได้มาก สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน การกำจัดขยะและการนำมาใช้ใหม่ การปรับปรุงในทุกเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นที่พานาเรเซอร์

ท้ายสุดแต่ไม่สุดท้าย พานาเรเซอร์ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 และ ISO 9001

วิธีเลือกซื้อจักรยาน


วิธีเลือกซื้อจักรยาน

(คัดลอกจากแผ่นพับของ ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย)
ก่อนที่จะเลือกซื้อจักรยาน เราควรมาทำความรู้จักกับประเภทของจักรยานก่อน แล้วจึงเลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วเราแบ่งจักรยานออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

จักรยานทั่วไป
ประเภทที่ 1 จักรยานทั่วไป หรือบางครั้งเรียกว่าจักรยานจ่ายกับข้าว ส่วนมากเป็นจักรยานไม่มีเกียร์ มักจะขายสำเร็จรูปพร้อมอุ
ปกรณ์ประกอบ เช่น บังโคลน ไฟหน้า ขาตั้ง บังโซ่ อานซ้อนท้าย รวมไปถึงตะแกรงหน้า จักรยานแบบนี้มีน้ำหนักมาก จึงต้องใช้แรงมาก แต่มีข้อดี คือ ราคาถูก (ประมาณ 1,500 -3,000 บาท) และหาซื้อได้ทั่วไป รวมทั้งเมื่อชำรุดก็มีร้านซ่อมอยู่ทั่ว ๆ ไปด้วย

จักรยานแข่ง
ประเภทที่ 2 จักรยานแข่ง คือ จักรยานแบบเสือหมอบที่เราเห็นนักกีฬาใช้ในการแข่งขันทั่วไป มีน้ำหนักเบามาก มีเกียร์ตั้งแต่ 5 ถึง 14 เกียร์ ตัวถึงเล็กเพีรยวลม ยางรถจะผอมและทนแรงดันได้สูง คือ สูบยางได้แข็งมาก และเพื่อให้มีน้ำหนักเบาจึงติดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น เช่น ขาตั้ง บังโคลน ฯลฯ ออกทั้งหมด จั
กรยานชนิดนี้มีราคาแพงมากถึงระดับคันละเป็นแสนบาท ถ้าระดับที่แข่งขันอยู่ภายในประเทศ ส่วนใหญ่ราคาตกคันละประมาณ 10,000-30,000 บาท

จักรยานกีฬา

จักรยานท่องเที่ยว
ประเภทที่ 3 จักรยานออกกำลังกายและท่องเที่ยว จักรยานประเภทนี้ ก็คือจักรยานจ่ายกับข้าว ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรม และให้ถีบ
เบาแรง โดยมีระบบเกียร์ และลดน้ำหนักรถลง ราคาสูงกว่าจักรยานจ่ายกับข้าว โดยแบ่งตามลักษณะเฉพาะได้ ดังนี้
จักรยานเสือหมอบ รูปแบบคล้ายจักรยานแข่ง แต่คุณภาพของอุปกรณ์จะ
ด้อยกว่า (ขึ้นอยู่กับราคา) ใช้เป็นจักรยานออกกำลังกายได้ดี หรือจะใช้เป็นจักรยานสำหรับขี่ท่องเที่ยวก็ได้ แต่เหมาะสำหรับขี่บนทางเรียบเท่านั้น หาซื้อได้ในราคา 2,500-3,000 บาท
จักรยานท่องเที่ยว จักรยานแบบนี้ ออกแบบสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ แต่ก็ใช้ขี่ออกกำลังหรือขี่ไปทำงาน หรือใช้งานอเนกประสงค์ได้ มักมีตะแกรงท้าย สำหรับไว้วางสัมภาระ ปกติจะมีชุดบังโคลน และขาตั้งติดมากับรถ ระบบเกียร์มีให้เลือกตั้งแต่ 10 ถึง 18 เกียร์

จักรยานเสือภูเขา
จักรยานเสือภูเขา (Mountain Bike) เป็นจักรยานที่ออกแบบสำหรับขี่ขึ้นลงเขาโดยเฉพาะ มีโครงสร้างแข็งแรง ยางล้อใหญ่หรืออ้วน ดอกยางใหญ่และหนา ทำให้เกาะพื้นถนนได้ดีเวลาขี่ขึ้นเนินชัน ๆ ใช้งานได้ในทุกพื้นผิวถนน บางครั้งเรียกจักรยาน ATB (All-Terrain Bike) ระบบเกียร์มีให้เลือกตั้งแต่ 10 ถึง 24 เกียร์ จักรยานเสือภูเขา นอกจากจะใช้งานขี่สมบุกสมบัน ตามที่ออกแบบมาแ
ล้ว ยังใช้เป็นจักรยานท่องเที่ยว หรือแม้แต่ใช้เป็นจักรยานอเนกประสงค์ได้ด้วย ราคาตั้งแต่ 4,000 ถึง 50,000 บาท

จักรยานพันทาง
จักรยานพันทาง (Hybrid Bike) เป็นลูกผสมระหว่างจักรยานท่องเที่ยวกับจักรยานเสือภูเขาคือ ออกแบบให้ใช้งานสมบุกสมบันได้อย่างเสือภูเขา แต่เมื่อขี่บนถนนธรรมดา ก็สามารถไปได้เร็วด้วย จักรยานลูกผสมนี้ มีลักษณะคล้ายเสือภุเขา แต่ยางล้อจะเล็กหรือผอมกว่า และดอกยางไม่ลึกนัก เมื่อขี่ในเมืองจึงเปลืองแรงน้อยกว่า บางครั้งเรียกจักรยานแบบนี้ว่า เป็น ซิตี้ไบค์ (City Bike) หรือ จักรยานเมือง
การเลือกซื้อจักรยาน
ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงเฉพาะการเลือกซื้อจักรยานประเภทที่ 3 ซึ่งมีข้อพิจารณาเบื้องต้นง่าย ๆ ดังนี้
ขนาด ต้องเลือกให้ขนาดของจักรยาน เหมาะสมกับขนาดตัวของผู้ขี่ ขนาดของจักรยานจะมีเบอร์ตั้งแต่ 16-25 นิ้ว เบอร์นี้บอกความยาวของท่อนั่ง (ท่อที่ต่อจากหลักอานลงไปถึงหัวกะโหลก) วิธีเลือกขนาดอย่างง่าย ให้วัดความสูง (เป็นนิ้ว) จากพื้นถึงปุ่มสะโพกผู้ขี่ เอาค่าที่ได้ลบออกด้วย 9 จะเป็นขนาดตัวถังจักรยานท่องเที่ยว หรือเสือหมอบ แต่ถ้าจะเลือกเลือภูเขา ให้ลบออกด้วย 11
(เพิ่มเติมโดย ณรงค์ เวศนารัตน์: บางทฤษฎีบอกว่า การเลือกเสือภูเขา ให้ยืนคร่อมจักรยาน ในตำแหน่งที่ตัวคนอยู่ตรงกลางระหว่างคอรถ(จุดหมุนของแฮนด์)กับอาน จากนั้นยกล้อหน้าขึ้น ให้ท่อบนที่เชื่อมระหว่างใต้อานกับคอรถ ชนหว่างขาพอดี รถที่ขนาดพอเหมาะในขณะที่ทำเช่นนี้ ล้อหน้าควรลอยจากพื้นประมาณ 3 ถึง 5 นิ้วฟุต)
ตัวถังแบบผู้หญิง ตัวถังแบบมิกซ์เท ตัวถังแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
ตัวถัง (โครง) สำหรับตัวถังจักรยาน ให้ดูที่น้ำหนักยิ่งเบาก็ยิ่งดี (แต่มักราคาแพง)
เบรก มีอยู่ 3 แบบ คือ
แบบดึงข้าง ดึงกลาง และแบบคานกระดก (ดูรูป) แบบหลังจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า จักรยานท่องเที่ยวหรือเสือภูเขาควรใช้เบรกแบบนี้
เบรกดึงข้าง เบรกคานกระดก
(เพิ่มโดย ณรงค์ เวศนารัตน์: เบรกเสือภูเขาสมัยใหม่มีอีกแบบ เรียกว่า วีเบรก(V-brake) ทำงานได้ดีมาก แต่ต้องระวังอย่าบีบแรงอย่างเร็วเกินไป จะทำให้รถหยุดกระทันหัน ถ้าเป็นเบรกหน้าอาจตีลังกาจนได้รับบาดเจ็บได้ ต้องค่อยๆ เบรกและสังเกตุอาการรถเป็นหลักว่าจะบีบแรงแค่ใหน)
เกียร์
ชุดเกียร์ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกใช้ชุดเกียร์ยี่ห้อที่เชื่อถือได้ (สอบถามจากผู้รู้) ถ้างบประมาณน้อย ควรเลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ แต่เป็นรุ่นเก่า ดีกว่าเลือกรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ยี่ห้อไม่น่าเชื่อถือ
มือสับเกียร์ เกียร์แบบมีดัชนี
อาน
อานแบบเรียวเหมาะสำหรับเสือหมอบ เสือภูเขาและจักรยานท่องเที่ยว ควรเป็นอานแบบป้าน
อานนั่งแบบแข่ง

อานนั่งแบบผู้หญิง